2007 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


(อ่าน) มาเปิดศักราชงาน 3D ของโอกี้กัน
งานแบบนี้มีมาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว
แต่เท่าที่ควรจะเผยแพร่ ก็ตอนปี 2007 นี้เอง
ทุกอย่างถูกคัดสรร คัดกรองมาจากสมองก้อนน้อยๆ
แต่เต็มไปด้วยหัวใจดวงโตที่ทุ่มเทให้กับงานศิลปะ ดังนั้น ...


... มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เอ้าลุย!!! ...


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/2007-ONGUSHI-okkkkkkkk.jpg





2007 The office

(Tang hua seng department store)


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/table-2007II.jpg

8 เดือนแล้วสินะ ที่เราออกมาโบยบินนอกรังเก่า
4 ปีกับรังเก่า มันก็ผูกพัน สุดท้ายเราก็เก็บไปคิดถึง
หลายคนคงสงสัยว่าที่เก่ามันดียังไง
ความอิสระด้านความคิดมั้ง ฝีมือเราเป็นที่ยอมรับได้
ก็เพราะด้วยที่นั้นเปิดโอกาสให้เราทำ ได้แสดงออก
ต่างกับหลายที่ที่ปิดกั้น ทำให้เราไม่ใช่ตัวเรา
นี่แหละคือความอึดอัด และทำให้เราลืมที่เก่าไม่ได้
4 ปีที่ทำงาน มันผ่านไปเร็วมาก
เราสนุกที่จะไปทำงาน เราสนุกที่จะได้คิด
และสร้างสรรค์งานใหม่ๆ
แม้บางทีจะติดเรื่องกฏระเบียบบางข้อที่ติ๊งต๊อง
ติดเรื่องเงินที่ไม่พอยาไส้
และเบื่อเพื่อนร่วมงานหลายคนที่ไฟมอดไปแล้ว
แต่เราก็อยากกลับรังเก่าแฮะ
อิสระทางความคิด มันเหนือกว่าทุกสิ่งจริงๆ

แต่ยังไงคนเราก็ต้องก้าวไปข้างหน้า
ความสำเร็จนั้นรออยู่ไม่ไกล
สู้ต่อไป
.
.
.

ONGUSHI
.................................................................................................................................................................................................


2007 football open season


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/2007OPENSEASONCHARACTERMAIL.jpg

http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/2007-OPEN-SEASON-MAIL-FULL-FULL-FUL.jpg

ฟุตบอลลีกต่างประเทศฤดูกาลใหม่ได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
เป็นนิมิตหมายอันดี ที่จะได้อดหลับอดนอนถ่างตาดูบอลพลางทำงานพลางแบบไม่เหงากันอีกครึ่งปี
ความรู้สึกต่อฟุตบอลอาชีพสำหรับผมแล้ว ความสนุกมันเริ่มขึ้นตั้งแต่การลุ้น
ลุ้นว่านักฟุตบอลคนไหน จะย้ายไปอยู่ทีมใด ด้วยค่าตัวเท่าไหร่
และทีมที่เราเชียร์จะซื้อใครมาเสริมทีมกันบ้าง ส่วนอาเซน่อลทีมที่ผมชอบ
ปีนี้ช่างน่าเศร้า นักเตะฝีเท้าดีย้ายออกจากทีมกันยกใหญ่ เหลือไว้แต่เด็กน้อยด้อยประสบการณ์
และเด็กหนุ่มเลือดใหม่ไม่กี่คน นึกแล้วก็ทำให้คิดถึงนายทุนบ้านเราหลายคน คนดีมีฝีมือไม่สนใจ
กลับหลงใหลจ้างงานเด็กจบใหม่ ด้วยหวังจ่ายค่าตัวในราคาถูก โดยไม่ได้พิจารณาความถนัดและฝีมือกันเลย
พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมิ่นเด็กจบใหม่ว่าไร้ความรู้ไร้สมองไร้น้ำยา เป็นการดีที่ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่
แต่การคิดแต่จะจ้างเด็กจบใหม่ด้วยค่าแรงขั้นต่ำ สุดท้ายความชีช้ำก็จะกลับมาทำร้ายตัวนายทุนนั่นเอง

เพราะเมื่อน้องๆเขาเก่งเขาก็พร้อมจะลาออกเพื่อไปอัพเงินในที่ใหม่ๆในที่สุด
สุดท้ายนายทุนก็ทำได้เพียงบ่นว่า "เป็นงานแล้วชอบตีจาก" ก็เงินแค่หยิบมือใครล่ะจะไปทนไหว
ของอย่างนี้มันต้องผสมผสานกันระหว่างคนเก่าสุดเก๋ากับน้องใหม่ไฟแรงด้วยสูตรผสมอันลงตัว
นั่นก็คือการซื้อใจด้วยค่าตอบแทนที่อยู่ได้ สุดท้ายทั้งนายและบ่าวก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข

แว่บความคิดอีกอย่างเมื่อได้ดูฟุตบอล ก็คือความรู้สึกว่าทำไมพรสวรรค์และโอกาสของคนเรา
มันช่างต่างกันได้สุดขั้วถึงเพียงนี้ เมื่อเปรียบเทียบเรากับนักฟุตบอลต่างชาติ
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราแล้ว ทำงานหนึ่งปีได้รับค่าตอบแทนอยู่หลักแสน
ส่วนเล่นฟุตบอลก็แค่กิจกรรมยามว่าง เตะไปงูๆปลาๆ แถมอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญ
แต่สำหรับนักฟุตบอลอาชีพแล้ว ค่าตอบแทนช่างต่างกันลิบลับ
เตะแค่ 90 นาที ซ้อมวันละ 5 ช.ม. ที่เหลือก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย แต่ค่าตัวสิกลับสวนทาง

ซัดไปอาทิตย์ละเป็นล้าน แหมมันน่าไปยืมตังค์เสียนี่กระไร

ปรี๊ดดด .. . พอฟุตบอลพักครึ่ง สติก็ย้อนกลับคืนมา ความรู้สึกน่าอิจฉามันก็เป็นได้เพียงอารมณ์ฝัน
มันไม่ได้ทำให้ตัวเรามีอะไรเจริญขึ้นเลย เพราะพรสวรรค์มันเป็นมรดกส่วนตัว แต่พรแสวงและโอกาสนี่สิ
เราสามารถหาได้สร้างได้ด้วยตัวของเราเอง ติดอยู่แค่เพียงว่าเราเริ่มทำมันขึ้นมาแล้วหรือยังเท่านั้นเอง

พี่ๆล่ะครับชอบและเชียร์ทีมไหนกันบ้าง ยังไงก็ขอให้ดูฟุตบอลกันแบบเพลินๆ
อย่าหักโหมจนเสียงานเสียสุขภาพนะครับ ขอให้สุขกายสบายสโมสรกันตลอดฤดูกาลครับ

PRESENT by ONGUSHI
.................................................................................................................................................................................................


2007 SWAT


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/ONGUSHIbipedSWAT.jpg


อันนี้เป็นคาแรคเตอร์ที่ทำขึ้นมาใหม่หลังจากเคยทำมาเนิ่นนานแล้วครั้งหนึ่ง
ตัวเอกเป็น 1 ในทีมงาน F.C.U.K ของกองกำลังพิเศษติดอาวุธ B.B. (Black Bear) สำนักงานตำรวจรัสเซีย
ชื่อ ONGINOV (โอกินอฟ) และมีหุ่นเก็บกู้ระเบิด FCUK 711 เป็นเพื่อนคู่ใจ
และสักวันคงได้ชมอนิเมชั่นสั้นๆๆเรื่องนี้กันครับ

http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/ONGUSHI-real-SWAT.jpg

อันนี้สาระน่ารู้เกี่ยวกับหน่อย SWAT ครับ

หน่วย S.W.A.T. ของตำรวจลอสแองเจลิส
เป็นทีมแรกๆที่อาศัยยุทธิวิธีในการปฏิบัติงานสำหรับการใช้กฎหมายของเมือง
หลังจากเหตุการณ์การปราบปรามอย่างลับๆหลายครั้งต่อต้านพวกพลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในลอสแองเจลิสช่วงระหว่างและหลังจากการก่อจราจล Watts Riots
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ทำให้เกิดข้อเท็จจริงที่ว่าการตอบโต้ต่อสถานการณ์เช่นนั้นไม่เพียงพอ
ดังนั้น หน่วยอาสาสมัครหลายหน่วยที่มีชื่อว่า station defense team
อันประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญงานและมีประสบการณ์ทางทหารจึงถูกสร้างขึ้น

S.W.A.T. (Specail Weapons And Tactics Team) ถูกริเริ่มขึ้นในปลายทศวรรษที่ 60
และได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการในปี 1972 โดยหน่วยตำรวจของลอสแองเจลิส
ด้วยการเห็นคุณค่าของความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการมีคณะที่ได้รับการฝึกฝน
และทำงานประจำด้วยกันในหน่วยงานของเมืองใหญ่ ซึ่งนับเป็นความคิดริเริ่มในเวลานั้น
หน่วยงานนำมาซึ่งการรวบรวมวิธีการปราบปรามสถานการณ์รูปแบบต่างๆของตำรวจ
จากนั้นมันก็กลายเป็นตำนานขึ้นมาในหมู่หน่วยงานปราบปรามต่างๆทั่วโลก
ในขณะนี้ หน่วย S.W.A.T. เป็นหน่วยงานชั้นนำที่ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจของลอสแองเจลิสอย่างน้อย 60 นาย
นายสิบตำรวจ 6 นาย และร้อยโทอีก 1 นาย ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกฝึกจนมีความชำนาญและเต็มไปด้วยกลยุทธ์ในการจู่โจม
หน่วยงานครอบคลุม 16 พื้นที่โดยแบ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ของลอสแองเจลิส เมืองที่มีเนื้อที่ทั้งหมดเกือบ 500 ตารางไมล์

อย่างไรก็ตาม หน่วย S.W.A.T. นั้นยังคงได้รับเงินช่วยเหลือเพียงน้อยนิด
จนกระทั่งในปี 1984 ที่คณะกรรมการโอลิมปิกเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
เพราะการแข่งโอลิมปิกเกมส์ในลอสแองเจลิสนั้นถูกมองว่าน่าจะเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้าย หน่วย S.W.A.T.
จึงได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับอุปกรณ์เพิ่มเติมและการฝึกที่จำเป็นสำหรับการป้องกันการก่อการร้าย
งานโอลิมปิกที่ลอสแองเจลิสลุล่วงลงโดยไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น
แต่เงินช่วยเหลือและการฝึกที่เริ่มต้นขึ้นจากงานนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหน่วยตำรวจลอสแองเจลิสและ S.W.A.T.
หลังจากความสำเร็จของหน่วย S.W.A.T. ของหน่วยตำรวจลอสแองเจลิส
เมื่องอื่นๆทั่วสหรัฐอเมริกาและส่วนต่างๆของโลกก็ได้จัดตั้งหน่วยงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
ซึ่งแม้ว่าไม่ทั้งหมดจะถูกเรียกว่า S.W.A.T. และไม่ทั้งหมดที่อยู่ใต้การอุปถัมภ์ของหน่วยตำรวจของเมืองนั้นๆ
(บางหน่วยอยู่ใต้สมาพันธรัฐหรือหน่วยงานติดอาวุธที่เป็นอำนาจของศาล)
แต่ทั้งหมดก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือเรื่องการใช้ยุทธวิธีอันชาญฉลาดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

ในฐานะที่เป็นหน่วยงานชั้นนำ สมาชิกของหน่วย S.W.A.T. ต้องถูกคัดเลือกอย่างเข้มงวดมากทั้งทางด้านร่างกาย
และมาตรฐานความชำนาญงาน ผู้สมัครจะถูกเลือกจากคนที่สามารถเข้าสู่หน่วย Metropolitan Division
ได้หลังจากใช้เวลาอย่างน้อยสี่ปีในหน่วยตำรวจของลอสแองเจลิส หลังใช้เวลาหนึ่งปีใน Metro
เจ้าหน้าที่อาจสมัครเข้าหน่วย S.W.A.T. ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาจะต้องยอมรับต่อกระบวนการทดลองงาน
นานสองอาทิตย์ที่ต้องอาศัยความเอาใจใส่อย่างมาก ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะถูกขึ้นชื่อในรายชื่อ
ซึ่งผู้เข้าแข่งขันรายสุดท้ายๆจะถูกเลือก ในแต่ละปี มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 50 นายที่เข้าสมัคร
แต่เพียงแค่ 8 ถึง 10 คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้าทำงานในหน่วย S.W.A.T. ได้
เมื่อพวกเขาถูกคัดเลือกแล้ว เจ้าหน้าที่จะเริ่มเข้าสู่โปรแกรมการฝึกอันเข้มข้นซึ่งกินเวลานาน 7 สัปดาห์

สมาชิกของหน่วย S.W.A.T. ทุกคนจะถูกฝึกทุกๆอย่างๆ แต่มีหลายนายเช่นกันที่เลือกจะฝึกแบบชำนาญเฉพาะทาง
เช่น มือปืนดักยิง มือปืนไรเฟิลยาว เป็นต้น บางนายก็เลือกที่จะฝึกเป็นผู้เจรจา
ปัจจุบันนี้มีเจ้าหน้าที่หน่วย S.W.A.T. จำนวน 18 นายที่ชำนาญในการเจรจา
ภายหลังจากการฝึกเจ้าหน้าที่มักจะรอคอยงานชิ้นเปิดตัวก่อนที่จะได้เข้าร่วมทีมอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับเชิญให้ไปช่วยในสถานการณ์ที่ต้องอาศัยยุทธวิธีในการปราบปรามอยู่หลายครั้งเวลาที่กำลังคนขาดแคลนก็ตาม
การปฏิบัติงานในอาชีพของสมาชิกหน่วย S.W.A.T. นั้น ระยะเวลาการทำงานที่นานที่สุดอยู่ที่ 27 ปี
ระยะการทำงานโดยเฉลี่ยของหน่วยได้แก่ 8 ถึง 12 ปี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ส่วนมากก็จะถูกเลื่อนขั้น

ไปยังหน่วยงานอื่นในหน่วยตำรวจของลอสแองเจลิส

โอกี้ 2007
.................................................................................................................................................................................................


2007 The RAIN


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/FULLLLLLLLLL-THE-RAINIII.jpg

สวัสดีเดือนมิถุนายน
และแล้วฤดูฝนอย่างเป็นทางการก็ย่างมาเยี่ยมมาเยือนถึงบ้านเราอีกครั้ง
แต่ไฉนอากาศมันถึงร้อนผิดบ้านผิดเมืองเช่นนี้
ปีนี้น่าจะเป็นปีแรก ที่อากาศของโลกเราเปลี่ยนแปลงแปรปรวนได้อย่างน่าใจหายขนาดนี้
รู้สึกได้จาก ปกติโอกี้จะเป็นคนรักบ้านติดครอบครัวอย่างที่สุด
ตั้งแต่เกิดมาจนเคราเฟิ้มขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่ใคร่อยากจะอยู่ติดบ้านสักเท่าไหร่
อันนี้ก็ด้วยอากาศที่สุดแสนจะร้อนตับแตกมาตั้งแต่ต้นปียันกลางปีกันแล้ว
และก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดดีกรีลงเลย หวังจะให้เม็ดฝนมาช่วยดับคลายร้อน
ก็กลับกลายเป็นทิ้งช่วงไปซะนี่ และที่ลำบากใจยิ่งกว่า เหมือนเทวดากลั่นแกล้ง
ฝนมักชอบตกตอนเช้าและเย็นของวันทำงาน เหมือนชอบเห็นรถติดเล่น
ยิ่งเห็นรถจอดจมน้ำท่วมอยู่ครึ่งคัน ท่านก็คงยิ่งยิ้มเย้ยแบบมีความสุขกระมัง
แต่วันหยุดอย่างเสาร์อาทิตย์ กะว่าจะพักผ่อนนอนอยู่บ้านให้คลายสบายอารมณ์
คุณฝนก็ดันไม่ตกซะอย่างงั้น มีแต่แดดที่แผดเผา จนสุดจะทนอยู่บ้านไหว
สิ่งที่หวังพึ่งได้คงมีเพียงแอร์ฟรีๆจากห้างฯหรูๆ พารากอน เซ็นทรัลเวิร์ล ตั้งฮั่วเส็ง
นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่คนค่อนเมืองจะมีความคิดสามัคคีแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ทุกคนต่างมุ่งหน้าสู่ห้างฯที่ตนรัก หวังเพียงจะช่วยให้คลายร้อนกาย ดับร้อนใจได้
แต่ความสามัคคีนี้มันกลับทำให้รถติดและยิ่งร้อนกายและหงุดหงิดหัวใจกันเข้าไปใหญ่
มาคิดได้อย่างนี้ โอกี้จึงต้องหาวิธีคลายร้อนใหม่ๆ เพื่อช่วยบรรเทาบาดแผลของโลกใบเขียวของเรา
ไม่ให้ลามมาถึงตัวเรามากกว่านี้ ห้องน้ำจึงเป็นสถานที่ใหม่ที่ช่วยให้โอกี้คลายร้อนได้ดีที่สุดในขณะนี้
แช่กันทั้งวัน อาบกันทุกคืน หมกตัวอยู่แต่ในห้องน้ำ กินข้าว อ่านหนังสือ ดูทีวีแต่ในห้องน้ำ
นี่ก็ว่าจะเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปเรนเดอร์งานในห้องน้ำกันซะเลย
จนตอนนี้เริ่มจะกลายพันธุ์ เกร็ดเริ่มใหญ่ เหงือกเริ่มกางกันแล้ว
อีกหน่อยก็คงมีอาการปอดบวมแถมมาด้วย
ความคิดของคน มักเหมาอะไรกันแบบง่ายๆ เมื่อยซื้อรถ ร้อนเปิดแอร์ กินเสร็จก็ทิ้ง เบื่อใครก็ประท้วง
แต่ทั้งหลายทั้งปวงกลับจะเป็นการร่วมมือกันเผาผลาญเชื้อเพลิงและสิ่งแวดล้อมโลกกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ภัยพิบัติอันใหญ่หลวงที่เกินกว่าจินตนาการของเราจะคาดคิดถึงคงไม่ใช่มีแต่ในหนังอีกต่อไป
แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฝนแล้ง อากาศร้อน มันใกล้และมาถึงตัวเราเร็วกว่าที่ใครคิด
ยังไงอย่างไร เรามาร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ คนละมือ รักษาสิ่งแวดล้อม เริ่มจากรอบตัวเรา
ปิดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้น้ำมัน ร่วมมือกันคนละนิด ... สามัคคีคือพลังครับ

ONGUSHI 2007

ปล.เป็นเรื่องเหลือเชื่ออีกครั้งครับ
ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกหมู่เหล่ามากๆๆครับ
เนื่องด้วยหลังจากคลอด THE RAIN 2007 มาหลายเดือน
THE RAIN 2007 ก็ได้รับเกียรติอันดีให้ประทับอยู่ในเว็ปฝรั่ง

http://www.cgarena.com/gallery/3d/scenes.html

ขอขอบคุณมากๆๆจริงๆๆคร๊าบบบบ
โอกี้
051107 mon
.................................................................................................................................................................................................


2007 DENTIST


http://www.ongushi.com/images/mr_nuclear/dentist-mail-II.jpg

นี่ก็ใกล้ที่จะได้เวลาถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว
เคยมีหลายคนถามโอกี้ว่ามาจัดฟันทำไมอายุป่านนี้ อยากเท่หรอ
จริงๆโอกี้ก็ไม่ได้แก่เท่าไหร่นะ แต่อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดฟันจะอยู่ประมาณ 10-12 ปี
เพราะเป็นช่วงที่เด็กจะมีการเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของใบหน้ามากที่สุด
สาเหตุจริงๆที่โอกี้ตัดสินใจจัดฟัน ไม่ใช่เพราะอยากตามสมัยอย่างที่ใครคิด
แต่ทุกวันเมื่อส่องกระจก โอกี้จะรู้สึกแปลกไปทุกครั้ง
ว่าเจ้าคนที่อยู่หน้ากระจกนี่คือใคร หน้าเราเริ่มเปลี่ยนครับ เนื่องจากฟันหน้าที่บิ่นเพราะความซนตอนเด็กๆ
เวลาผ่านไปจึงทำให้ฟันซี่ข้างๆเริ่มเมื่อย ล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าไปตามๆกัน
หน้าเริ่มยาว ปากเริ่มเบี้ยว เหมือนม้าภูเขา จะกัดจะกินอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก
เพราะฟันกับผนังปากมักจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เคี้ยวอาหารเร็วๆ
ทำสถิติ 10 แผลในเวลา 1 อาทิตย์มาแล้ว แถมด้วยซ้ำแผลเดิมไปอีก 3 ครั้ง
เนื่องจากรู้มาล่วงหน้าแล้วว่าการจัดฟันนั้นมีค่าใช่จ่ายที่ค่อนข้างสูง
จึงตัดสินใจเข้าคลีนิคเพื่อใปปรึกษากับคุณหมอก่อนว่าควรจะจัดฟันดีหรือเปล่า
คำตอบที่ได้ทำให้โอกี้อึ้งหลายอย่างครับ คุณหมอเริ่มทำตัวเหมือนคนขายประกันชีวิต
คือพูดให้เราท้อแท้ ดูแย่ และเสียความมั่นใจมากที่สุด เริ่มทำให้เราอยากเสียตังค์ทำฟันขึ้นมาทันที
แต่ความรูสึกอยากนั้นก็ต้องชะงักไปชั่วขณะ ด้วยค่าใช้จ่ายทึ่สูงเหยียบแสน เนื่องจากต้องมีค่าผ่าตัดกรามด้วย
คุณหมอให้เหตุผลว่าฟันค่อนข้างเกมากๆ บวกกับกรามล่างเริ่มยื่นนิดๆทำให้ฟันไม่สบกัน
แต่เหตุผลนี้ดีครับ คือโอกี้ถามว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องจัดฟัน คุณหมอก็บอกจำเป็นมาก
เพราะถ้ายิ่งปล่อยไป ฟันก็จะยิ่งเก เคี้ยวอาหารไม่สะดวก หน้าและกรามจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
และจะเกิดปัญหาเรื่องฟันอีก 10-20 อย่างตามมา ในใจก็ยิ่งอยากจัดเข้าไปใหญ่
เพราะกลัวถ้ายิ่งหน้าเปลี่ยน สุนัขที่บ้านอาจไม่ให้เข้าบ้านเพราะจำหน้าไม่ได้ ช่วงนี้ความจำมันไม่ดี
โดนสุนัขตัวเองกัด เสียฟอร์มแย่เลย
โอกี้ตัดสินใจว่าจะจัดฟันแน่ๆแล้ว แต่เรื่องสถานที่คงต้องหาดูอีกที
หาอยู่เนิ่นนาน ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็มาประจวบเหมาะที่แถวบ้านนี่เอง
คุณหมอน่ารักและใจดีแต่ชอบมาสาย คุณหมอได้ตีราคามาที่ 38,000 บาท
ราคานี้จะไม่รวมกิจกรรมก่อนหน้าและหลังการจัดฟัน
อันนี้ราคาผู้สูงอายุครับ เพราะไม้แก่ดัดยาก กระดูกมันแข็ง
เราก็ตัดสินใจทำเลย โชคดีที่สุดว่าโอกี้ x-ray มาแล้ว ผลคือฟันซี่เล็กและไม่มีฟันคุด
จึงไม่ต้องถอนฟันทิ้งอย่างใครๆเขา มีเพื่อนโอกี้เคยโดนถอนไป 7 ซี่ สยองแทนเลย
แต่พอเริ่มจัด ก็ไม่ง่ายอย่างที่โอกี้คิด เพราะเดือนแรกต้องเสียเงินไปกับความโสโครกของเราในอดีต
คือต้องขูดหินปูนและอุดฟันผุให้หมดทุกซี่ โดนไปหลายซี่เลยครับ
เดือนที่สองเริ่มเข้าขั้นตอนการจัดฟัน จ่ายก่อนเลย 5,000 บาท
แต่แค่วันแรกโอกี้ก็รับรู้ได้ถึงคอร์สฝึกความอดทนมหาโหด
เรื่องออกค่าย ร.ด. 7 วันหรือมหกรรมรับน้องสุดหินนี่ชิดซ้ายไปเลย
มารู้ข้อเสียของคุณหมออีกข้อก็คราวนี้ คือมือคุณหมอหนักจริงๆครับ
โดยครั้งแรกคุณหมอจะใช้ยางเส้นเล็กๆยัดเข้าไปขัดระหว่างฟันกรามด้านใน
ให้ฟันถ่างออกจากกันเพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการใส่เครื่องมือ แค่ตอนใส่ก็เสียงหลงแล้ว
แต่คุณหมอบอกให้อดทนและใส่ทิ้งไว้ 1 เดือน มื้ออาหารแรกก็ยังสบายอยู่
แต่พอ 5 ชั่วโมงผ่านไป ชีวิตของโอกี้ก็เปลี่ยนไปด้วย รู้สึกทรมานมากๆคับ
เพราะเจ็บปวดจนสุดจะบรรยาย ช่วงนั้นท้อแท้มาก ไม่อยากทำงานทำการกันเลย
มันทรมานยิ่งกว่าตอนโหนรถบ.ข.ส.จากอยุธยากลับกรุงเทพฯเสียอีก
บางคืนตอนหลับเผลอละเมอขบฟันตัวเอง โอ้โห ... สะดุ้งเฮือก มีอาการอยากตายขึ้นมาทันทีเลย
โอกี้ต้องกินอาหารปั่นฝีมือเด็ดจากคุณแม่อยู่เดือนนึงเต็มๆ คือเอาสารพัดอาหารมาปั่นรวมกันเลย
จำหน้าไม่ได้เลยว่าใส่อะไรไปมั่งเพราะแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจ่ายต่ออีก 5,000 บาท คราวนี้เพิ่มความยากไปอีกหนึ่งขั้น คุณหมอจะเอายางที่ขั้นฟันออก
แล้วใส่เครื่องมือโลหะครอบฟันเข้าไปแทนที่ ไม่น่าเชื่อครับ ความเจ็บปวดหายไปภายในบัดดล
โอกี้ก็คิดว่าสบายแล้ว ไม่ทรมานแล้ว อันนั้นคิดผิดเลย เพราะผนังปากที่บางกว่าผิวหน้าของเรา
มันไม่ซี้กับชิ้นโลหะแปลกปลอมในปากเราซะเลย กัดกันจิ้มกันแทงกันทั้งวันทั้งคืนครับ
ด้วยแง่งโลหะที่ยื่นออกมาจากตัวครอบฟันนั่นเอง ก็เป็นเดือนที่สามที่ต้องทรมานกับการจัดฟันครับ
แผลเต็มกระพุ้งแก้มเลยคราวนี้ พูดไม่ได้อ้าปากไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าต้องพูดคำไหนที่จะไม่ให้สีข้างปากไปแถกับเหล็กนั่น
จนถึงตอนนี้ก็ปีกว่าแล้วครับ ด้วยว่าไม่เคยผิดนัดหมอ จึงใกล้จะได้เอาเหล็กออกแล้ว
เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นครับ
สำหรับการจัดฟันนั้น เป็นการนำสิ่งดีๆมาให้ชีวิตโอกี้หลายอย่างเลยครับ
ซึ่งนอกจากเรื่องความสวยงามของฟันที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังได้เรื่องของสุขภาพฟันและช่องปาก
เพราะโอกี้ต้องแปรงฟันทุกๆครั้งหลังทานอาหารและมื้อจุกจิก
เรื่องความรับผิดชอบอันนี้ก็สำคัญทั้งเรื่องเวลาและเรื่องเงินครับ
เวลานัดนี่ต้องไปให้ตรงเวลาครับ เพราะไม่นั้นจะถูกคนจัดคิวย้ายสัมมะโนครัวเราไปอยู่หลังสุด
อีกทั้งโอกี้ต้องรับผิดชอบเรื่องเงินมากขึ้นด้วย หาเงินมาหมุนให้ทันทุกเดือน
เที่ยวน้อยลงและเห็นความสำคัญของเงินมากขึ้น

เรื่องของสุขภาพปากสุขภาพฟัน อันนี้สำคัญมากมายมากกว่าที่หลายคนคิดครับ
เพราะสุภาพปากและฟันที่ไม่ดี เป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่างๆมากมายอย่างคาดไม่ถึง
อย่างไรเดือนนี้ก็ขอให้เป็นโอกาสอันดี อยากให้พี่ๆใส่ใจและดูแลช่องปากช่องฟันมากขึ้น
ตั้งใจบ้วนปากแปรงฟันอย่างถูกวิธี ช่องปากดี ฟันดี สุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะสดใสตามมาครับ

โชคดี แจ่มใส ปากหอม ฟันขาว ทั้งเดือนครับ
ขอบคุณครับ
โอกี้
ONGUSHI ONGIE BANGKOK MAN, THANKS

 

Motigo Webstats - Free web site statistics Personal homepage website counter

Free counter

free counters

free counters

 



Copyright © CG 2D&3D Art Design by Ongie Ongushi (Piyavach Arunotai) All rights reserved
www.ongushi.com

ongushi@hotmail.com